วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

Link Blog

1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
11.
12.
13.
14.
15.
16.
17.
18.
19.
20.
21.
22.
23.
24.
25.
26.
27.
28.
29.
30.
31.
32.
33.
34.
35.
36.
37.

Diary 17/9/55

วันนี้เป็นวันสุดท้ยแล้วดีใจมากๆเลย :)  วันนี้ต้องไปเรียน รด. เหนื่อยมากๆแต่ก็หนุกดี  ทหารชอบเล่นมุก กาก 5555

Diary 16/9/55

วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ต้องเขียนอีกแค่วันเดียวเท่านั้น!!!ดีใจๆ  วันนี้ก็ไม่ได้ทำไรอีกเหมือนกัน นั่งๆนอนทั้งวันเลยย

Diary 15/9/55

วันนี้เป็วันที่สองที่นั่งเขียนไดอารี่    วันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรเลยกว่าจะตื่นก็เที่ยงแล้วว ตอนบ่ายก็นั่งเล่นเกมสบายใจดี พอดึกๆก็นั่งดูบอลมันมากๆๆ

Diary 14/9/55

วันนี้เป็นวันแรกที่เขียนไดอารี  เกิดมายังไม่เคยเขียนสักครั้งเลย ><  วันนี้เป็นวันศุกร์เป็นวันที่เรียนสบายที่สุดเลยย ชอบวันนี้มากๆๆ แต่ก้เหนื่อยมากๆเพราะตอนเย็นต้องซ้อมบอล

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

คุณจะเลือกทางไหน?

คุณจะเลือกทางไหน?
มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 รางรางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้วมีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟคุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งานหรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม?ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไปรถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้นผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกันแน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุผลทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึกแต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้วที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้อง ที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหากแต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ และเลือกที่จะเล่นในที่อันตรายสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวันในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมืองโดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตยคนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มากแม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตามเด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขาและคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตามเพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟเพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการใช้งานและพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอนเพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้นนอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัยถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้ เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตรายในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคนอาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก บางครั้งเราอาจลืมไปว่าการตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไปจำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติและสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไปทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ

การนอนที่ถูกต้องและความสำคัญของการนอน


การนอนที่ถูกต้องและความสำคัญของการนอน

1. ทำไมการนอนจึงสำคัญ
การนอนทำให้กล้ามเนื้อและอวัยวะทุกส่วนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ พร้อมสำหรับการทำงานในวันต่อไป เมื่อนอนน้อยอาจส่งผลให้ทำงานผิดพลาด ทำงานได้น้อยลง คุณภาพงานต่ำกว่าปกติ และมีงานวิจัยในต่างประเทศ พบว่า คนที่นอนน้อยกว่า 4 ชม. หรือนอนมากกว่า 10 ชม. ต่อคืน เป็นประจำ อาจมีอายุสั้นกว่าคนที่นอนหลับปกติ คนที่นอนไม่เพียงพอนานๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดเมื่ออายุมากขึ้น และการนอนระหว่าง 21. 00-22.00 น. จะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะโกร๊ธ ฮอร์โมน ( growth homone) หลั่งออกมาอย่างเต็มที่ในช่วง 22.00-24.00 น. ช่วยซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย และควรนอนให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ต่อวัน
2. นอนหลับท่าไหนดีที่สุด
การนอนมีความสัมพันธ์กับกระดูกสันหลัง เพราะหากนอนผิดท่า เช่น นอนงอตัวหรือนอนบิดตัว ติดต่อกันหลายๆ ปี อาจทำให้กระดูกสันหลังเลื่อนออกนอกแนวระนาบ ผิดรูป หรือคดงอได้ ท่านอน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นอนหลับสนิท ตื่นนอนอย่างสดชื่นและไม่ปวดเมื่อยนอนหงาย ควรใช้หมอนหนุนหัวแบบต่ำเพื่อให้ต้นคออยู่แนวเดียวกับลำตัว ป้องกันการปวดคอจากนอนคอพับหรือนอนเงยคอมากเกินไป แต่ท่านี้ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจ เพราะกล้ามเนื้อกระบังลมจะกดทับปอดทำให้หายใจไม่สะดวก หัวใจทำงานลำบากขึ้น การนอนหงาย ยังอาจทำให้ผู้มีอาการปวดหลังมีอาการรุนแรงขึ้นด้วยนอนตะแคง การนอนตะแคงขวาช่วยให้หัวใจทำงานสะดวก และอาหารที่ค้างในกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ช่วยลดอาการปวดหลังได้ทางหนึ่ง แต่การนอนตะแคงซ้ายอาจทำให้เสียดลิ้นปี่ เพราะอาหารย่อยไม่หมดและค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร หญิงตั้งครรภ์ควรนอนตะแคงเพื่อไม่ให้มดลูกไปกดทับกระดูกสันหลังและเส้นเลือดแดงใหญ่กลางลำตัวนอนคว่ำหน้า อาจทำให้หายใจติดขัดและปวดต้นคอ เพราะคอแอ่นมาทางด้านหลังหรือบิดไปด้านใดด้านหนึ่งเป็นเวลานานๆ ถ้าต้องนอนคว่ำหน้าควรใช้หมอนรองใต้หน้าอกเพื่อไม่ให้ปวดเมื่อยต้นคอ
3. เลือกซื้อที่นอนอย่างไรดี
ที่นอนควรมีขนาดกลางๆ ไม่นิ่ม หรือแน่นเกินไป (แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างที่นอนนิ่ม กับที่นอนแน่น ควรเลือกที่นอนแน่น เพราะที่นอนนิ่มจะทำให้ปวดหลังได้มากกว่า) แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับโครงสร้างและสรีระของแต่ละบุคคล ถ้าคุณลองนอนดูแล้วไม่เกิดอาการปวดหลังก็ถือว่าใช้ได้ และควรเลือกที่นอนที่ยาวกว่าความสูงของตัวเองอย่างน้อย 15 ซม. และพิจารณาสิ่งสำคัญต่อไปนี้ด้วยความแน่นของที่นอน (Firmmess) ขึ้นอยู่กับความชอบและรูปร่างของผู้นอน เช่น คนที่รูปร่างใหญ่ จะเหมาะกับที่นอนแน่นเป็นพิเศษชั้นโอบรับ (Conformity) คือมีส่วนที่สัมผัสและโอบรับกับร่างกายอย่างเหมาะสม เข้ากับส่วนโค้งเว้าได้ดี จะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและนอนหลับสบายขึ้นความแข็งของที่นอน (Edge Support) คือ ความสามารถในการรับน้ำหนัก โดยเฉพาะช่วงขอบของที่นอน ป้องกันการยุบตัว และไม่เกิดการลื่นไหลเวลานั่งขณะขึ้นหรือลงจากที่นอนเมื่อใช้ที่นอนนานเกิน 6 เดือน ควรกลับที่นอนอีกด้านหนึ่งขึ้นมาใช้ เพื่อไม่ให้ที่นอนถูกใช้งานเพียงด้านเดียว เพราะทำให้ที่นอนเสื่อมสภาพเร็ว และควรกลับด้านหัวนอนและปลายเท้าสลับกันด้วย เพื่อใช้งานอย่างทั่วถึงทั้งสี่ด้าน
4. หมอนแบบไหนดีที่สุด
การหนุนหมอนที่ไม่มีคุณภาพนานๆ อาจทำให้กระดูกต้นคอ กดทับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง หรือเกิดเป็นลิ่มเลือดอุดตัน หากลิ่มเลือดขึ้นสมองอาจกลายเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้ คุณจึงควรสังเกตอยู่เสมอว่ามีอาการปวดช่วงต้นคอหลังจากตื่นนอนด้วยหรือไม่ หมอนที่ดีควรนอนแล้วรับกับกระดูกต้นคอได้พอดี เสมอเป็นระนาบเดียวกับลำตัว นอนแล้วคอไม่แหงนหรือพับ วัสดุที่ใช้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน
-ใยสังเคราะห์ มีทั้งแบบนุ่มฟูและแน่นขึ้นอยู่กับความชอบ ข้อดีคือมีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามรูปศีรษะ คืนรูปและระบายอากาศได้ดี ข้อจำกัด คือ เสื่อมสภาพเร็ว อายุใช้งานไม่คงทน
-โฟมลาเทกซ์ แข็งและแน่นมากกว่าหมอนประเภทอื่นๆ ข้อดีคือ คงทน อายุการใช้งานนาน ข้อจำกัดคือ การระบายอากาศไม่ดี หากเลือกขนาดไม่เหมาะกับศีรษะอาจนอนแล้วปวดคอได้
-ยางพารา มีทั้งแบบแข็งและแบบนิ่ม ข้อดีคือ คงทน อายุการใช้งานนาน ข้อจำกัดคือ การระบายอากาศไม่ดี
-ขนเป็ด มีความนุ่มฟูเป็นพิเศษ เหมาะกับผู้ที่ชอบหมอนนุ่มมากๆ มีข้อจำกัด เรื่องการทำความสะอาด (ซักไม่ได้) และราคาค่อนข้างสูง
-นุ่น เป็นวัสดุที่ดีในการทำเครื่องนอน เพราะสามารถปรับให้รับกับสรีระของผู้นอนได้ และราคาไม่แพง แต่มีข้อจำกัด คือ การทำความสะอาดยากและอาจมีเศษนุ่นหลุดเป็นละออง ออกมาจึงไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้
5. เราจำเป็นต้องมีหมอนหนุนของตนเองหรือเปล่า
ควร เพราะสรีระแต่ละคนแตกต่างกัน ขนาดของหมอนที่เหมาะกับแต่ละคนจึงต่างกันไปด้วย การเลือกหมอนต้องดูความเหมาะสมกับร่างกาย เช่น ผู้ที่รูปร่างใหญ่ หรือนอนกรน ควรใช้หมอนที่สูง เพื่อให้คออยู่ระนาบเดียวกับลำตัวพอดี ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด และลดการนอนกรน หากเป็นคนตัวเล็กอาจหนุนหมอนต่ำลงมาหน่อยเพื่อรักษาแนวระนาบของลำตัวสำหรับรูปทรงของหมอนขึ้นอยู่กับท่านอนของแต่ละคน ควรเลือกหมอนที่มีขนาดใหญ่พอสมควร และมีส่วนกว้างออกมาถึงช่วงไหล่ เวลาพลิกตัวจะได้ไม่ตกหมอน หมอนที่มีส่วนเว้าโค้ง ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับกับต้นคอ จะเหมาะกับท่านอนหงาย หากนำมาใช้นอนตะแคงอาจปวดต้นคอ และลองนอนหนุนหมอนทุกครั้งก่อนซื้อ เพื่อทดสอบความพอดีกับต้นคอ ความสูง ความนิ่ม ว่าเหมาะสมกับตัวเองมากน้อยเพียงใดนอกจากนี้ ยังมีหมอนเพื่อรองรับการใช้งานรูปแบบอื่นๆ เช่น หมอนรองเอว หมอนรองขา หมอนรองคอ หมอนข้าง ผู้ที่มีปัญหาเวลานอนแล้วปวดขา ปวดเอว อาจซื้อหมอนประเภทนี้มารองเพื่อให้รู้สึกนอนสบายยิ่งขึ้นก็ได้
6. หมอนสุขภาพจำเป็นไหม
หมอนสุขภาพมีการผลิตจากวัสดุหลายประเภท เช่น โฟมลาเทกซ์ หรือยางพารา ฯลฯ ซึ่งอาจผลิตให้โค้งเว้าเพื่อรองรับกระดูกต้นคอให้ได้ระนาบเวลานอนมากขึ้น ซึ่งมีข้อดีคือรองรับต้นคอได้พอดีเมื่อนอนหงาย แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบนอนตะแคงเพราะจะคอเอียงและปวดคอได้ส่วนหมอนที่ผลิตจากเปลือกไม้หรือเปลือกเมล็ดพืช เป็นหมอนที่ผลิตเพื่อรองรับและให้เข้ารูปกับศีรษะและต้นคอของผู้นอนแต่ละคน ซึ่งหลายคนที่เคยทดลองใช้ให้ความเห็นว่านอนหลับสบายขึ้น แต่มีข้อจำกัดคือราคาแพง และต้องผึ่งแดดบ่อยๆ เพื่อป้องกันความชื้นและแมลง
7. จะรู้ได้อย่างไรว่าควรเปลี่ยนเครื่องนอนชุดใหม่แล้ว
อายุของที่นอน/หมอนไม่ควรเกิน 15 ปี ถ้าเกินกว่านี้ก็ต้องสังเกตว่าคุณปวดหลัง ปวดตัว ทุกครั้งที่ตื่นนอน หรือที่นอนยุบลงไปเป็นแอ่งหรือเปล่า ทั้งที่คุณกลับด้านหน้า ด้านหลังมาใช้แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณควรเปลี่ยนที่นอนหลังใหม่ เช่นเดียวกับหมอน ถ้านอนแล้วไม่รู้สึกสบายรู้สึกปวดคอ ก็ควรเปลี่ยนได้แล้วค่ะ
8. การนอนกับพื้นดีกว่านอนบนที่นอนจริงไหม
การนอนกับพื้นแข็งมากๆ ทำให้เกิดการกดทับเป็นเวลานาน ระบบเลือดไหลเวียนลำบาก ทำให้เมื่อย และอาจเกิดอาการชาได้ การนอนพื้นจึงควรปูที่นอนบุนวมนิดหน่อย เพื่อกระจายแรงกดทับของหลังกับพื้นโดยตรง แต่ทั้งนี้การนอนพื้นก็ไม่มีผลกระทบร้ายแรงแต่อย่างใด ถ้าคุณนอนแล้วไม่เกิดอาการปวด หรือเมื่อยหลังก็สามารถนอนได้ค่ะ
9. เครื่องนอนเคลือบสารป้องกันไรฝุ่นเชื่อได้แค่ไหน
ไรฝุ่น (dust mite) เป็นสัตว์ประเภท “แมง” กินเศษผิวหนังและรังแคเป็นอาหาร ไรฝุ่นจึงพบมากที่สุดในห้องนอน และเครื่องนอนต่างๆ 10% ของน้ำหนักหมอนที่เราใช้นาน 2 ปีขึ้นไป มาจากตัวไรฝุ่นและอึของมัน เช่นเดียวกับที่นอนที่ใช้นาน 6 เดือนก็อาจมีไรฝุ่นมากพอที่ทำให้คนเป็นภูมิแพ้เกิดอาการได้ที่นอน ที่ทำจากใยสังเคราะห์ ฟองน้ำ ใยมะพร้าว หรือยางพารา เมื่อใช้ไประยะหนึ่งก็เกิดไรฝุ่นได้ ที่นอนที่ไม่มีไรฝุ่น คือ ที่นอนน้ำ (water bed) ส่วนหมอน ควรเลี่ยงชนิดที่ทำจากขนสัตว์ ฟองน้ำ นุ่น แต่ถ้าต้องการใช้ควรหุ้มด้วยผ้ากันไรฝุ่นอีกชั้นก่อนใส่ปลอกหมอนธรรมดาเครื่องนอนเคลือบสารกันไรฝุ่นอาจช่วยป้องกันคุณให้ปลอดภัยจากไรฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง สังเกตได้จากคำว่า Microban Allergy Control หรือ Scot guard ควรเลือกปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น ที่ทำจากผ้าเนื้อแน่น ทอละเอียด ปูทับก่อนปูผ้า หรือปลอกหมอนธรรมดา หากเป็นผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ควรซักผ้าด้วยน้ำอุ่น เพื่อฆ่าไรฝุ่นด้วย แต่ถ้าไม่ได้ใช้ผ้าปูที่นอน หรือปลอกหมอนกันไรฝุ่น ควรทำความสะอาดที่นอนเป็นประจำทุกเดือน ซักผ้าด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส ทุก 1-2 สัปดาห์
10. เราควรเลือกปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนอย่างไร
ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเป็นส่วนที่สัมผัสกับร่างกายโดยตรง เนื้อผ้าที่ใช้ควรเป็นผ้านิ่ม เพราะผ้าที่แข็งเกินไปอาจทำให้เกิดรอยยับ หากรอยยับนั้นมากดบนผิวหน้าหรือร่างกายบ่อยครั้งอาจเกิดปัญหาตามมาได้ การเลือกจึงควรเลือกผ้าที่จับแล้วสบายมือพอสมควร ไม่หลุดเป็นขุย เนื้อผ้าที่นิยมใช้ทำเครื่องนอนได้แก่ ผ้า Cotton หรือผ้าฝ้าย ควรเลือกที่เป็น cotton 100% เพราะเนื้อผ้าจะนิ่ม ไม่ระคายผิว ผ้า Cotton satin เป็นผ้าที่ผสมระหว่างผ้าฝ้ายและผ้าไหม เนื้อผ้าจึงนิ่มและลื่นกว่าผ้า Cotton ซึ่งราคาก็สูงกว่าตามไปด้วย
พึงระลึกเสมอว่าของดีราคาถูกไม่มีและควรลงทุนกับเรื่องของสุขภาพให้มากๆ เพื่อที่เราจะได้มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และให้การนอนเป็นการพักผ่อนที่มีความสุขอย่างแท้จริง

เทคนิคการปรับสภาพร่างกายให้ผ่อนคลายหลังออกกำลังมาอย่างหนัก


เทคนิคการปรับสภาพร่างกายให้ผ่อนคลาย หลังออก กำลังมาอย่างหนัก


     เชื่อว่ามีหนุ่ม ๆ หลายคนที่หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอย่างหนัก เนื่องจากร่างกายของคุณสูญเสียน้ำและพลังงานไปเป็นจำนวนมาก จนบางครั้งทำให้บางคนเกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบหรือเกิดอาการเวียนศีรษะได้ ฉะนั้นเพื่อป้องกันอาการเหล่านี้คุณจึงควรทำความรู้จักกับวิธีการผ่อนคลายตัวเองหลังจากออกกำลังกายกันสักหน่อยดีกว่าครับ

1. การยืดเส้นยืดสาย
              หลังจากที่คุณใช้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ มาอย่างหนัก หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว แทนที่จะหยุดทันที แต่ให้คุณค่อย ๆ ผ่อนแรงก่อนด้วยการยืดเส้นยืดสายเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อกันสักหน่อย ซึ่งคุณอาจจะใช้เวลาในขั้นตอนนี้สักประมาณ 30 นาที โดยใช้เวลาในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อแต่ละส่วนประมาณ 3-5  นาที จากนั้นคุณถึงค่อยเลิกเล่น เช่น คุณวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้ามาได้ประมาณ 30 นาที และต้องการจะหยุดวิ่งแล้ว ก็ให้คุณปรับระดับความเร็วของเครื่องให้ช้าลง เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ผ่อนแรงก่อนสักพักถึงค่อยหยุดวิ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น 

 2. ดื่มน้ำหรือเกลือแร่
          คุณควรชั่งน้ำหนักก่อนออกกำลังเพื่อเอาไปเทียบกับน้ำหนักหลังออกกำลังกายเสมอ เพื่อหาส่วนต่างของน้ำหนักที่หายไป และดื่มน้ำทดแทนให้เพียงพอ ซึ่งก่อนหน้านี้ หลาย ๆ คนมักจะคิดว่าน้ำหนักที่หายไปนั้นคือไขมัน แต่ความจริงแล้วก็คือน้ำในร่างกายนั่นเอง ฉะนั้น หลังออกกำลังกายคุณควรดื่มน้ำหรือเกลือแร่ให้ได้อย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักที่หายไป เพื่อช่วยทดแทนปริมาณน้ำที่สูญเสียไปในระหว่างออกกำลังกาย

3. ทานโปรตีนเชค
          หลาย ๆ คนออกกำลังกายโดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษาหุ่นให้มีรูปร่างดีอยู่เสมอ แต่บ่อยครั้งพบว่าหลังการออกกำลังกายคุณจะรู้สึกหิวมากกว่าเดิม ดังนั้น คุณควรหาสิ่งอื่นเพื่อชดเชยความหิวด้วยการทานโปรตีนเชค เช่น นำนมสดกับผลไม้มาปั่นรวมกัน หรือจะเลือกเป็นนมถั่วเหลืองปั่นกับช็อกโกแลตก็ได้ แล้วแต่ชอบ เพราะเครื่องดื่มชนิดนี้จะอุดมไปด้วยโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตที่จะทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยทำให้อิ่มท้องไปได้ตลอดทั้งคืน โดยคุณควรดื่มโปรตีนเชคหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วประมาณ 15-30 นาที ส่วนคนที่ไม่ชอบทานโปรตีนเชคนั้น อาจจะหันมาดื่มนมช็อกโกแลตร้อน ๆ สักแก้วแทนก็ได้ครับ 

 4. นวดกล้ามเนื้อ
         บางทฤษฎีบอกว่าไม่ควรจะนวดหลังออกกำลังกาย แต่บางทฤษฎีนั้นกลับพบว่าการนวดหลังออกกำลังกาย สามารถช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางท่านกล่าวว่า การนวดนั้น นอกจากจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อแล้ว ยังช่วยลดพังผืดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นร่างกายของคุณควรอยู่ในสภาพที่พร้อม เพราะหากร่างกายคุณไม่แข็งแรงก็อาจจะเป็นการทำลายกล้ามเนื้อมากกว่าการผ่อนคลายก็ได้ นอกจากนี้การนวดยังส่งผลดีต่ออารมณ์ และช่วยปรับสภาพจิตใจของคุณให้สดใสขึ้นอีกด้วย





วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555